รวม 11 ประเทศที่มีแสงเหนือ พร้อมพิกัดดูแสงเหนือที่ห้ามพลาด
แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดลำแสงสีต่างๆ บนท้องฟ้า โดยส่วนใหญ่จะพบได้ในแถบขั้วโลกเหนือและใต้ ด้วยความสวยงามนี้เอง ในหนึ่งชีวิตของใครหลายคน จึงอยากไปดูแสงเหนือสักครั้งหากมีโอกาส โดยแสงเหนือเกิดขึ้นได้ในหลายประเทศในโลก และแต่ละประเทศก็มีจุดชมแสงเหนือที่น่าสนใจ และภาพของแสงเหนือที่ออกมาแตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปดู 11 ประเทศที่มีแสงเหนือ พร้อมพิกัดดูแสงเหนือที่ห้ามพลาด ไปดูกันเลย!
มารู้จัก แสงเหนือคืออะไร?
แสงเหนือ คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการชนกันระหว่างอนุภาคไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์กับก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก ทำให้เกิดแสงสีต่างๆ บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน แสงเหนือมีสีที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของก๊าซและระดับความสูงที่เกิดปฏิกิริยา โดยสีที่พบบ่อยที่สุดคือสีเขียว ส่วนสีอื่นๆ เช่น สีแดง สีฟ้า สีม่วง หรือสีชมพู ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แสงเหนือเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณประเทศแถบขั้วโลกเหนือและใต้ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กแรงที่สุด ทำให้สามารถดึงอนุภาคไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้
ฤดูที่ควรไปดูแสงเหนือ
ฤดูกาลที่เหมาะสมกับการดูแสงเหนือคือฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว หรือตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม ของปีถัดไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีท้องฟ้าที่มืดสนิท แต่ไม่มีเมฆมาบดบัง ทำให้เห็นแสงเหนือได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การดูแสงเหนือยังขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของสภาพอากาศของแต่ละประเทศ ดังนั้น หากวางแผนไปดูแสงเหนือจึงควรติดตามข้อมูลสภาพอากาศ และโอกาสเกิดแสงเหนือก่อนเดินทางด้วย
ตามล่าดูแสงเหนือจาก 11 ประเทศที่มีแสงเหนือ
รู้กันไปแล้วว่าแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและน่าอัศจรรย์มาก หลายคนคงอยากจะไปดูแสงเหนือสักครั้งในชีวิต มาดู 11 ประเทศที่มีแสงเหนือ พร้อมพิกัดดูแสงเหนือที่ห้ามพลาด จะมีประเทศไหนบ้าง ไปดูกันเลย
1. ฟินแลนด์
ฟินแลนด์ ประเทศทางตอนเหนือของยุโรปที่มีชื่อเสียงเลื่องลือกันว่าเป็นประเทศที่มีแสงเหนือที่สวยงาม และมีกิจกรรมท่องเที่ยวที่สายธรรมชาติต้องไม่พลาด ไม่ว่าจะเล่นฮัสกี้สเลด เดินป่า ว่ายน้ำ พายเรือ หรือแม้แต่ตั้งแคมป์ท่ามกลางธรรมชาติ สถาปัตยกรรมในตัวเมืองเองก็สวยงามตระการตา เดินเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินใจ สามารถดูแสงเหนือได้ในบริเวณเมืองทางทิศเหนือของประเทศ
เมืองที่เหมาะจะไปดูแสงเหนือในประเทศฟินแลนด์คือ Rovaniemi เพราะเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ขอบของวงแหวนแสงเหนือ และมีอุณหภูมิที่เย็นมาก พิกัดแนะนำคือที่ Santa Claus Village หรือ Arctic Snow Hotel ที่เป็นโรงแรมที่สร้างจากหิมะ ตกแต่งให้มีบรรยากาศวันคริสมาสต์ราวกับไปเที่ยวบ้านของซานตาคลอสจริงๆ และมีห้องพักที่มีวิวแสงเหนือที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูได้ที่ห้องพักโดยไม่ต้องออกมาทนหนาวข้างนอก โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปดูแสงเหนือ ในฟินแลนด์คือตั้งแต่เดือนกันยายน ไปจนถึงถึงเดือนเมษายนของปีถัดไป
2. สหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพราะมีผู้คนมาจากหลากหลายชนชาติ มีภูมิประเทศและแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทำให้ใครๆ ก็อยากมาที่นี่ แถมยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแสงเหนือที่คุณสามารถไปเยือนได้ โดยรัฐที่อยู่ทางทิศเหนือของประเทศ โดยเฉพาะในรัฐ Alasga เพราะเป็นรัฐที่อยู่ใกล้เส้นขอบของวงแหวนแสงเหนือมากที่สุดในประเทศ ทำให้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปล่าแสงเหนือกันที่นั่น
เมืองที่เหมาะจะไปดูแสงเหนือคือ Fairbanks, Anchorage, Denali และ The Yukon ที่เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจ ในช่วงเวลากลางวันคุณจะได้เห็นภูเขาสีขาวโพลนที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามไม่แพ้แสงเหนือ นอกจากนี้ยังมีบริการทัวร์ดูแสงเหนือที่มีคุณภาพ เหมาะสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าควรไปดูแสงเหนือตรงไหนให้ได้วิวที่สวยที่สุด โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปดูแสงเหนือในสหรัฐอเมริกาคือ ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน ของทุกปี
3. ไอซ์แลนด์
ประเทศไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้สูง เนื่องจากตั้งอยู่ในละติจูดสูง และมีความเย็น แสงเหนือสามารถเห็นได้ในช่วงเวลาที่มืด ซึ่งเป็นระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน แต่เดือนที่มืดที่สุดคือเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการล่าแสงเหนือ
สถานที่ที่แนะนำสำหรับการดูแสงเหนือคือ ที่เป็นที่นิยมคือ อ่าวแฟกซ์ หมู่เกาะเวสต์มันน์ และทะเลน้ำแข็งจอกุลซาร์ลอน นอกจากนี้ บางครั้งแสงเหนือยังสามารถเห็นได้ในเมืองเรคยาวิก หากมีความเข้มของแสงเหนือสูง แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนหลายคนอยากไปเยือนประเทศไอซ์แลนด์ หากคุณเป็นหนึ่งในนั้น อย่าลืมนำกล้องถ่ายรูป และพกความหวังติดกระเป๋าไปด้วย เพราะคุณอาจได้เห็นแสงเหนือที่สวยงาม และเก็บความทรงจำที่ดีๆ กลับมาได้
4. สวีเดน
สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้สูง เนื่องจากอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ แสงเหนือเกิดจากการชนกันระหว่างอนุภาคไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์กับก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก ทำให้เกิดลำแสงสีต่างๆ บนท้องฟ้า แสงเหนือเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่จะมองเห็นได้ง่ายในช่วงที่ท้องฟ้ามืดสนิท หรือในช่วงฤดูหนาวที่กลางคืนยาวนาน ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชมแสงเหนือในสวีเดนคือระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม
บริเวณที่เหมาะสมสำหรับการชมแสงเหนือในสวีเดนมีหลายแห่ง แต่เราที่เราจะแนะนำ คือ Kiruna, Abisko และ Swedish Lapland Kiruna เป็นเมืองที่อยู่ในเขตเหนือสุดของสวีเดน มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) ที่มีออโรราสกายสเตชัน (Aurora Sky Station) เป็นจุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด
5. นอร์เวย์
นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี แต่มีความหลากหลายของฤดูกาล ซึ่งมีผลต่อการปรากฏของแสงเหนือ แสงเหนือในนอร์เวย์จะปรากฏในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือระหว่างเวลา 18.00 น. ถึง 02.00 น. และควรเลือกสถานที่ที่มีแสงสว่างน้อย และมีท้องฟ้าโล่ง
มีหลายสถานที่ในนอร์เวย์ที่เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือ เช่น อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) ตั้งอยู่ในเขตเมืองคิรูน่า (Kiruna) ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ มีอาณาเขตที่เหมาะสมสำหรับการชมแสงเหนือ และยังเป็นที่ตั้งของ ออโรราสกายสเตชัน (Aurora Sky Station) ซึ่งเป็นสถานีสำหรับการสังเกตและศึกษาแสงเหนือ ทะเลสาบ Tornetrask Lake เองก็สามารถมองเห็นแสงเหนือได้ชัดเพราะเป็นพื้นที่ที่มีความยาวกว่า 70 กิโลเมตร และมีท้องฟ้าที่โล่ง
6. แคนาดา
แคนาดาเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี แต่มีความหลากหลายของฤดูกาล ซึ่งมีผลต่อการปรากฏของแสงเหนือ แสงเหนือในแคนาดาจะปรากฏในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น. และควรเลือกสถานที่ที่มีแสงสว่างน้อย และมีท้องฟ้าโล่ง
มีหลายสถานที่ในแคนาดาที่เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือ เช่น อุทยานแห่งชาติบันฟ์ (Banff National Park) ตั้งอยู่ในรัฐแอลเบอร์ตา มีภูเขา ทะเลสาบ และป่าสนใหญ่ มีการจัดทัวร์ขับรถสโนว์โมบิล หรือขี่ม้าไปชมแสงเหนือ อุทยานแห่งชาติเจสปเปอร์ (Jasper National Park) ตั้งอยู่ในรัฐแอลเบอร์ตา มีพื้นที่กว้างมากกว่า 10,000 ตารางกิโลเมตร มีภูเขา น้ำตก และทะเลสาบ มีการจัดทัวร์เดินป่า หรือนอนแคมป์ไปชมแสงเหนือ แคนาดาถือเป็นประเทศที่มีแสงเหนือสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ ถ้าคุณอยากไปดูแสงเหนือ อย่าลืมวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และเลือกสถานที่ที่เหมาะสม
7. กรีนแลนด์
การเดินทางไปดูแสงเหนือที่กรีนแลนด์นั้น มีความท้าทายมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่มีน้ำแข็งปกคลุม การเดินทางระหว่างเมืองต้องใช้เครื่องบิน หรือเรือ และการเข้าถึงบางพื้นที่ต้องใช้รถลากเลื่อนด้วยสุนัข หรือรถสโนว์โมบิล อีกทั้งยังต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับอากาศที่หนาวเย็นอย่างมาก แต่ก็คุ้มค่ากับความสวยงามของแสงเหนือที่จะไม่มีทางได้เห็นในที่อื่นบนโลกนี้แน่นอน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเดินทางไปดูแสงเหนือที่กรีนแลนด์คือ ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ที่มีความเย็นมากที่สุด และมีความมืดยาวนาน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ดีสำหรับการมองเห็นแสงเหนือ อีกทั้งยังมีโอกาสเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน และส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคม
8. สกอตแลนด์
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมสกอตแลนด์เป็นประเทศที่มีแสงเหนือ ทั้งๆ ที่ประเทศไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้ใกล้ขั้วโลกเหนือมากนัก คำตอบคือ เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า แถบแสงเหนือ (Auroral Zone) ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุดในการเห็นแสงเหนือ แถบแสงเหนือนี้ มีรูปร่างเป็นวงกลม และอยู่รอบๆ ขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ โดยมีรัศมีประมาณ 2,500 กิโลเมตร และมีความกว้างประมาณ 500 กิโลเมตร แถบแสงเหนือนี้ จะเคลื่อนที่ขึ้นลง ขึ้นอยู่กับการแสดงแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นการปล่อยอนุภาคไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ ที่มีผลต่อก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก และสร้างแสงเหนือขึ้นมา
ดังนั้น ถ้าคุณอยากเห็นแสงเหนือที่สกอตแลนด์ คุณควรไปในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม แต่คุณอาจจะต้องมีความอดทน เพราะแสงเหนือไม่ได้ปรากฏตลอดเวลา และอาจจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน ถ้ามีเมฆหรือแสงสว่างรบกวน คุณควรเลือกสถานที่ที่มีท้องฟ้าที่มืด และโล่ง เช่น Shetland และ Isle of Skye
9. รัสเซีย
ประเทศรัสเซียมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งทะเล ภูเขา แม่น้ำ และป่า และมีสัญลักษณ์ประจำประเทศคือ หมีขาว (Polar Bear) และยังเป็นประเทศที่มีแสงเหนือและดูแสงเหนือได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ที่มีความเย็น หรือความกดอากาศต่ำ จะเห็นปรากฏการณ์นี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ดังนั้น ถ้าคุณอยากเห็นแสงเหนือที่รัสเซีย ควรไปในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคมระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม จะสามารถดูแสงเหนือได้ที่รัสเซียในสถานที่ต่างๆ ซึ่งมีหลายจุดแต่มีจุดที่ควรไป ได้แก่ Murmansk Karelia และ Komi เป็นต้น เป็นจุดที่เห็นแสงเหนือได้ง่าย และมีความสวยงามน่าประทับใจอย่างมาก
10. สวีเดน
ประเทศสวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้สูง เนื่องจากตั้งอยู่ในละติจูดสูง และมีพื้นที่ที่มีความสว่างจากไฟฟ้าน้อย ทำให้เห็นแสงเหนือได้ชัดเจน นอกจากนี้ สวีเดนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ธรรมชาติที่สวยงาม วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และสิ่งประดิษฐ์ที่น่าอัศจรรย์ เช่น โรงแรมน้ำแข็ง หรือ Icehotel ที่สร้างจากน้ำแข็งและหิมะ และมีการสร้างใหม่ทุกปี
สวีเดนมีสถานที่สำหรับดูแสงเหนือหลายแห่ง แต่สามารถแบ่งออกเป็นสองพื้นที่หลักๆ คือ แลปแลนด์ และสตอกโฮล์ม เช่นอุทยานแห่งชาติอบิสโก ทะเลสาบทอร์เนทราสก์ เป็นต้น
11. เดนมาร์ก
ประเทศเดนมาร์กเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่ท้องฟ้ามืดและมีเมฆน้อย แสงเหนือที่เดนมาร์กนั้นสวยงามเป็นพิเศษ และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนอยากไปสัมผัสปรากฏการณ์นี้
หนึ่งในสถานที่ชมแสงเหนือที่สำคัญ ที่อยากแนะนำคือ หมู่เกาะแฟโร สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากดูแสงเหนือที่เดนมาร์ก เพราะเป็นสถานที่มีท้องฟ้าแจ่มใส และมีภูมิประเทศที่สวยงาม คุณสามารถเห็นแสงเหนือได้จากทุกมุมของหมู่เกาะแห่งนี้ได้เลย
สรุป
ประเทศที่มีแสงเหนือ อยู่หลายประเทศที่คุณสามารถเลือกไปเยือนได้ แต่การไปดูแสงเหนือ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องไปให้ถูกช่วงเวลา และศึกษาข้อมูลของ ประเทศที่มีแสงเหนือ ที่อยากไปให้ดี เพื่อให้คุณได้เตรียมตัวและอุปกรณ์ที่เหมาะสม และได้เห็น แสงเหนือ ที่สวยงามและน่าประทับใจที่สุด หลังจากนั้นค่อยเที่ยวต่อในสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศนั้นๆ ที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ของตนเอง
สำหรับใครที่ยังไม่มีโอกาสไปดู แสงเหนือ หรืออยากได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง คุณสามารถไปสัมผัสกลิ่นอายแบบตะวันตกอุ่นเครื่องกันก่อนได้ที่ Racncho Charnvee Resort รีสอร์ตที่มีสไตล์โดดเด่น และมีกิจกรรมสนุกสนานมากมาย ที่จะทำให้คุณจะได้พักผ่อนและรับประสบการณ์ดีๆ ที่น่าจดจำ