6 เคล็ดลับ วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ให้ปกป้องผิวได้เต็มที่
สำหรับสาวๆ และหนุ่มๆ ที่ต้องออกไปทำกิจกรรมใต้แสงแดดเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ เล่นกีฬา หรือแม้แต่การเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต้องเจอแดดแรงๆ มักจะเจอปัญหาพบว่าผิวหน้าและผิวกายนั้นเกิดรอยคล้ำ แดง ซ้ำยังเกิดอาการแสบร้อนอีกด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากแสงแดดนั้นเอง
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังทาครีมกันแดดที่ผิดวิธี ซึ่งหลายๆ คน เมื่อทาครีมกันแดดเพียงไม่กี่นาทีก็ออกไปทำกิจกรรมใต้แสงแดด แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการป้องกันผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย บทความนี้จะมาเฉลยเผย 6 เคล็ดลับ วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ให้ปกป้องผิวได้เต็มที่ ทำให้ผิวหน้าและผิวกายของคุณนั้นไม่เกิดอาการแสบร้อน หรือระคายเคือง
การเลือกครีมกันแดดต้องรู้อะไรบ้าง
ก่อนที่จะไปดูในส่วนของวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง คุณต้องใส่ใจและศึกษาข้อมูลการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับผิว รวมทั้งรายละเอียดคุณสมบัติที่สำคัญในครีมกันแดดที่ควรมี เพราะจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแดดเพิ่มมากขึ้น
1. สภาพผิวของเรา
ดูเผินๆ เหมือนว่าครีมกันแดดจะสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่จะดีกว่าไหม ถ้าสามารถเลือกครีมกันแดดให้ตรงกับสภาพผิวของคุณ เพื่อให้ครีมกันแดดได้ทำงานอย่างเต็มที่และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ผิวแพ้ง่าย คนที่ผิวแพ้ง่ายสามารถเลือกครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน เพราะสารเหล่านี้อาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้ และอาการระคายเคือง ทั้งนี้ ควรเลือกเนื้อครีมที่มีความบางเบา ซึมซับง่าย หรือเลือกเนื้อครีมแบบเจล เซรั่มก็จะเหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย
- ผิวมัน คำแนะนำในการเลือกครีมกันแดดสำหรับคนที่มีผิวมันจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ปราศจากน้ำมันหรือทำให้เกิดสิว เพราะเนื่องจากครีมกันแดดบางชนิดจะมีความเข้มข้นสูง ดังนั้น ควรเลือกเนื้อครีมกันแดดที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ผิวแห้ง การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมสำหรับผิวแห้ง ควรศึกษาว่าครีมกันแดดนั้นมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยบำรุงผิว เก็บความชุ่มชื่นได้หรือไม่ เช่น ส่วนผสมกลีเซอรีนจะสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นภายใต้ผิวและยังช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มน่าสัมผัส
2. การเลือกค่า SPF ให้เหมาะกับสีผิว
การเลือกค่า SPF เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเลือกไม่เหมาะสมอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ และอันตรายได้ และนอกเหนือจากวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องแล้วก็ควรเลือกค่า SPF ให้ถูกต้องเหมาะกับสีผิวหรือตามความต้องการและการใช้งาน
- คนที่มีผิวขาว ส่วนใหญ่เวลาโดนแดดจะเห็นรอยไหม้ได้ชัดเจนกว่า และยังไวต่อแสงแดด ครีมกันแดดที่สามารถช่วยได้จะต้องมี SPF ที่สูง เริ่มตั้งแต่ 45-60 จึงจะช่วยป้องกันได้ดีกว่า
- คนที่มีผิวขาวอมชมพู เกิดปฏิกิริยากับแสงแดดได้อย่างรวดเร็ว จึงมีโอกาสผิวเสียง่ายกว่าสภาพผิวอื่นๆ ครีมกันแดดที่ควรใช้จึงควรเป็นครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-45
- คนที่มีผิวขาวเหลือง สีผิวจะมีเมลานินค่อนข้างสูงกว่าสองแบบแรก ซึ่งส่วนนี้จะป้องกันผิวไม่ให้ถูกไหม้จากแสงแดดได้ดี การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมคือ SPF 30
- คนผิวคล้ำ ถูกแสงแดดทำร้ายได้ง่าย จะสังเกตได้ว่าผิวที่ถูกแดดจะไม่เป็นรอยไหม้ แต่สีผิวจะคล้ำเสียมากกว่าปกติ ครีมกันแดดที่แนะนำจะเป็น SPF 15
แต่ถึงอย่างไร American Academy of Dermatology ได้ออกมาบอกว่าการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมตามมาตรฐานคือ ควรเลือกค่า SPF 30+ ที่สามารถป้องกันยูวีเอและยูวีบีได้
3. เลือกครีมกันแดดที่มี Broad spectrum
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Broad spectrum ได้กลายมาเป็นมาตรฐานการผลิตของครีมกันแดดที่แพร่หลายในวงกว้าง เพราะคุณสมบัติที่โดดเด่นของสารตัวนี้ที่สามารถป้องกันทั้งแสงยูวีเอและยูวีบีได้ ทำให้ป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ครีมกันแดดที่ป้องกันน้ำและเหงื่อ
ครีมกันแดดที่กันเหงื่อและกันน้ำได้ เหมาะกับการใช้งานในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้หลายๆ คนเหงื่อออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และการใช้ครีมกันแดดชนิดนี้จะช่วยให้ติดทนนานหลายชั่วโมง แต่ทั้งนี้ ก็ควรหมั่นเติมครีมกันแดดบ่อยๆ เมื่อรู้สึกว่าเหงื่อออกเยอะเกินไปหรือหากทำกิจกรรมทางน้ำเป็นเวลานาน
5. สารบางตัวในครีมกันแดดอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ หรืออาการระคายเคืองที่ผิวหนัง ควรเลือกครีมกันแดดที่ไม่มีสารก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้จะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิว ผด หรือผื่นได้
ดังนั้น ควรทำการทดสอบในเบื้องต้นว่ามีอาการแพ้หรือไม่ โดยสามารถทดสอบด้วยวิธีง่ายๆ ที่บ้าน ให้ทาครีมกันแดดบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ข้อพับแขน หลังหู ท้องแขน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 1-3 ชั่วโมง เพื่อรอดูอาการ ซึ่งหากมีอาการแพ้ บริเวณที่ทาครีมไปแล้วจะมีอาการแดง คัน หรือผื่นขึ้น
ประเภทของครีมกันแดด
โดยหลักแล้วครีมกันแดดจะมีด้วยกันทั้งหมด 2 ประเภท ซึ่งก็จะมีหลักการทำงาน ข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันไป
Mineral Sunscreens
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Mineral Sunscreens มันสามารถป้องกันแสงแดดได้อย่างทันที โดยมีหลักการทำงานเมื่อแสงแดดมากระทบที่ผิว สารตัวนี้จะทำการหักเหแสงแดดนั้นออกไป ทำให้ผิวของคุณนั้นปลอดภัยจากแสงแดด
- ข้อดี: เมื่อทาลงบนผิวประสิทธิภาพของครีมกันแดดจะทำงานทันที ทำให้ไม่ต้องรอนาน และสามารถป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบีได้เต็มที่ เนื้อครีมมีลักษณะบางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน
- ข้อเสีย: เมื่อโดนน้ำหรือเหงื่อออก ครีมกันแดดชนิดนี้จะหลุดออกง่าย จึงจำเป็นที่จะต้องทาบ่อยๆ และอาจจะมีรอยคราบสีขาวบนผิวหนังเมื่อทา
Chemical Sunscreens
ครีมกันแดดแบบสารเคมีจะมีหลักการทำงานที่จะดูดซับแสงแดดหรือรังสียูวีที่กระทบลงบนผิว แล้วจะเปลี่ยนให้เป็นความร้อนปล่อยออกมาจากทางผิวหนัง นอกจากนั้น หากโดนแสงแดดโดยตรงเนื้อครีมที่ทาลงไปนั้นจะระเหยค่อนข้างไว ทำให้ต้องคอยหมั่นทาครีมกันแดดอยู่เสมอ
- ข้อดี: เนื้อครีมจะเกลี่ยง่าย ไม่เหนียว
- ข้อเสีย: อาจจะทำให้เกิดสิว รอยดำ อุดตัน และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผู้ที่มีผิวมัน และในการทาครีมกันแดดชนิดนี้จำเป็นที่จะต้องรอประมาณ 20 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดค่อยๆ ซึมลงสู่ขั้นผิว
วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง
การรู้วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องเป็นส่วนช่วยที่จะทำให้ผิวหน้าและผิวกายได้รับการปกป้องอันตรายจากแสงแดดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในการทาครีมกันแดดแต่ละครั้งคุณควรจำเป็นต้องรู้สิ่งนี้
1. ทาครีมกันแดดต้องรู้เวลา
หลายคนเมื่อทาครีมกันแดดแล้วก็ออกลุยทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยไม่รอให้เนื้อครีมลงเข้าสู่ผิว ทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดนั้นทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ฉะนั้น ทุกครั้งที่ทาครีมกันแดดจำเป็นที่จะต้องคำนวณเวลา โดยต้องรอให้ครีมกันแดดค่อยๆ ซึมเข้าสู่ชั้นผิว ขั้นตอนนี้อาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่คุณสมบัติของครีมนั้นๆ
2. ควรทาครีมกันแดดซ้ำๆ
วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องคือ ควรทาครีมกันแดดซ้ำๆ เพราะการทาครีมกันแดดเพียงครั้งเดียวก่อนออกจากบ้าน จะช่วยป้องกันแสงแดดได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ยิ่งถ้าต้องทำกิจกรรมที่ใช้แรงและเสียเหงื่อ อย่างการเล่น กีฬา หรือการเล่นน้ำ จะทำให้ครีมกันแดดค่อยๆ หลุดออกหรือระเหยออกไป จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่ควรจะทาครีมกันแดดทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือสามารถทาซ้ำได้เรื่อยๆ ในช่วงระยะเวลา 90 นาที
3. ปริมาณของครีมกันแดดที่ใช้ต้องเป๊ะ
ในการทาครีมกันแดดแต่ละส่วนของร่างกาย ควรทาด้วยปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรทาน้อยเกินไปหรือมากเกินไป เพื่อให้ครีมกันแดดได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
· หน้าและลำคอ
ใบหน้าและลำคอจะเป็นส่วนที่ผิวมีความเปราะบางและอ่อนโยน เป็นบริเวณที่ถูกแดดไหม้ได้ง่าย จึงจำเป็นที่ต้องทาครีมกันแดดในปริมาณ 2 ข้อนิ้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่เหมาะสมสำหรับทาบนใบหน้าและลำคอ ในการทาควรใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยครีมกันแดดให้ทั่ว โดยอาจจะเน้นที่ปลายจมูกและบริเวณรอบตัวตา
· แขน
ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทาลงบนแขนคือ ข้างละ 2 ข้อนิ้วเช่นกัน และวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องอย่าลืมว่าควรทาหลังแขนด้วย เพราะหลายๆ คนมักจะทาเพียงแค่หน้าแขนเท่านั้น ทำให้หลังแขนเกิดอาการผิวไหม้และแสบร้อนเมื่อถูกแดด
· ด้านหลัง และลำคอ
บริเวณหลังและไหล่ควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่มากขึ้น โดยสำหรับปริมาณที่ควรใช้นั้นสามารถปรับได้ตามความเหมาะสม แต่จะต้องเกลี่ยให้ทั่วทั้งแผ่นหลังและไหล่
· ขา
ทาครีมกันแดดที่ขาโดยเน้นทั้งบริเวณต้นขาด้านหน้าและหลัง รวมทั้งบริเวณน่องขา ทั้งนี้ หากคุณต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่าง การว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำในทะเลควรทาที่บริเวณฝาเท้าด้วย สำหรับปริมาณที่ถูกกำหนดว่าช่วยป้องกันแสงแดดได้ดีจะอยู่ที่ 2-3 ข้อนิ้วสำหรับขาแต่ละข้าง
4. แม้อยู่บ้านก็ควรทาครีมกันแดด
รู้หรือไม่ว่านอกจากแสงจากดวงอาทิตย์ที่ทำร้ายผิวของคุณแล้ว แสงจากจอคอมพิวเตอร์ มือถือก็สามารถทำร้ายผิวได้เช่นกัน เพราะแสงชนิดนี้ที่เรียกว่า แสงสีฟ้า หรือ Blue Light เป็นแสงที่สามารถเข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ได้ ส่งผลให้สภาพผิวเสื่อมก่อนวันอันควร หรือแม้แต่การนั่งใกล้หน้าต่างที่มีแดดส่องก็จะทำให้ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดดได้เช่นกัน เห็นไหมว่าวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องไม่ว่าจะอยู่ในที่ร่มหรือในบ้านก็ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อเป็นการป้องกันแสงสีฟ้าและแสงแดดที่ส่องเข้ามาในบริเวณบ้าน
5. แยกชนิดของครีมกันแดดให้ถูกต้อง
ชนิดของครีมกันแดดจะถูกแบ่งออกเป็น ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า และสำหรับผิวกาย ทั้งนี้ หลายๆ คนมักนิยมที่จะใช้ครีมกันแดดสำหรับผิวกายมาทาลงบนใบหน้า ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเท่าไรหนัก เพราะการผลิตครีมกันแดดของทั้งสองชนิดนี้ จะมีคุณสมบัติและการป้องกันที่แตกต่างกัน เช่น ครีมกันแดดสำหรับผิวกายจะมีความเข้มข้นสูง เมื่อทาลงบนผิวหน้าที่เป็นจุดที่อ่อนโยน อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ อาการระคายเคืองได้ ดังนั้น วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องคือ ใช้ครีมกันแดดให้ถูกชนิดและไม่ควรนำครีมกันแดดสำหรับผิวกายมาทาลงบนใบหน้า
6. ครีมกันแดดควรทาก่อนแต่งหน้า
สาวๆ ที่แต่งหน้าต้องอย่าลืมลงครีมกันแดดก่อนแต่งหน้าเสมอ แต่ก่อนที่จะลงครีมกันแดดนั้น สามารถลงครีมบำรุงตัวอื่นๆ ก่อนได้ เช่น เซรั่ม มอยเจอร์ไรเซอร์ เมื่อเสร็จแล้วรอให้ครีมบำรุงซึมซับเข้าสู่ผิว จากนั้นก็สามารถลงครีมกันแดดบนใบหน้าให้ทั่วๆ ทั้งใบหน้า และทำการแต่งหน้าในลำดับต่อไป
เก็บรักษาครีมกันแดดให้ถูกวิธี
หลังจากได้รู้วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องที่ช่วยให้ผิวปลอดภัยจากแสงแดดได้ การดูแลและเก็บครีมกันแดดอย่างไรให้ใช้ได้นานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรศึกษา เพื่อให้ครีมกันแดดไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลา โดยวิธีการเก็บรักษาครีมกันแดดที่อยากแนะนำมีดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงความร้อน
- ตรวจสอบวันหมดอายุ
- ไม่เก็บไว้ในที่เย็นหรือที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ
- อย่าทิ้งครีมกันแดดไว้ในรถ
- ไม่นำครีมกันแดดแช่ตู้เย็น
- ปิดฝาทุกครั้งหลังใช้งาน
- ไม่นำไปวางใกล้แสงแดดหรือที่มีแดดส่อง เช่น บริเวณขอบหน้าต่าง
การรู้วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้ผิวถูกปกป้องจากแสงแดด แต่คุณควรทำการศึกษาตั้งแต่การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิว รวมทั้งการใช้งาน เพราะการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานและไม่ได้รับการป้องกัน จะส่งผลให้ผิวของคุณนั้นมีรอยคล้ำ เกิดฝ้า และถึงขั้นหน้าไหม้แดดได้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องเป็นกังวัลเพราะในปัจจุบันมีวิธีแก้หน้าไหม้แดดให้ได้ลองทำตามกัน โดยจะเน้นไช้วัตถุดิบทางธรรมชาติเพื่อเป็นการฟื้นฟูผิวได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย