สอนวิธีขี่ม้าแบบง่ายๆ ขี่ยังไงให้เพลินและปลอดภัย
การขี่ม้าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลายๆ คนอยากลอง ช่วยให้คุณได้สัมผัสความโรแมนติกของธรรมชาติ แสงแดด และอากาศอันบริสุทธิ์ พร้อมกับการควบทะยานแหวกสายลมไปกับม้าคู่ใจ แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นหรือยังไม่เคยมีประสบการณ์การขี่ม้ามาก่อน จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจพื้นฐานวิธีขี่ม้าและธรรมชาติของม้าที่เราจะขี่ให้ถี่ถ้วนก่อน เพราะโดยปกติแล้วม้าเป็นสัตว์ที่ตื่นตัวและตกใจง่าย ดังนั้น ผู้ที่ขี่ม้าจะต้องอาศัยระยะเวลาในการทำความรู้จักและคุ้นเคยกับลักษณะนิสัยหรืออารมณ์ของตัวม้าก่อน มิฉะนั้นอาจจะเกิดอันตรายได้
วิธีขี่ม้าที่ถูกต้องและปลอดภัย
พื้นฐานแรกที่ควรรู้สำหรับวิธีขี่ม้าก็คือ “การขึ้นไปนั่งและลงจากม้า” นั่นเอง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นขั้นตอนที่ยาก แต่หากพลาดพลั้งขึ้นมาก็อาจจะบาดเจ็บได้เนื่องจากหลังม้านั้นมีความสูงมากกว่าที่ตาเห็นพอสมควรเลยทีเดียว โดยอันดับแรกต้องจับบังเหียนให้แน่น จากนั้นใช้เท้าข้างซ้ายเหยียบโกลนที่ติดอยู่บริเวณอานด้านซ้าย แล้วยันตัวเองขึ้นไปบนหลังม้า และทำการปรับอุปกรณ์ต่างๆ ให้แน่นเพื่อความปลอดภัย
เมื่อขึ้นหลังม้าได้แล้ว ก่อนที่เราจะเริ่มท่าขี่ม้านั้น ผู้ขี่จำเป็นต้องจัดท่าทางเสียก่อน เริ่มจากท่ายืน ศีรษะไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หลังยืดตรง ขาตั้งฉากกับแนวระนาบ และลงน้ำหนักเท้าทั้งสองข้างให้เท่ากัน โดยสามารถเรียนรู้หรือสอบถามเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ที่จะสอนและให้คำแนะนำ พร้อมบอกจุดสังเกต หรืออธิบายข้อควรจำในการขี่ม้า
ท่าพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกขี่ม้า
การเริ่มต้นขี่ม้าสำหรับมือใหม่น่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย เพราะหลายคนอาจมีความกังวัลว่าจะเกิดอันตรายหรือไม่ และจะต้องขี่ม้าอย่างไรบ้าง ซึ่งบทความนี้ก็ได้ยกท่าขี่ม้าแบบง่ายๆ ที่มือใหม่ก็สามารถทำได้ โดยที่ 4 ท่านี้ยังเป็นวิธีขี่ม้าขั้นพื้นฐานที่คุณจำเป็นต้องรู้
• ท่าเดิน (Walk)
ท่าเดินเป็นท่าเแรกสำหรับวิธีการขี่ม้าที่ต้องทำความเข้าใจ เริ่มจากการจับบังเหียนม้าให้แน่น จากนั้นค่อยก้าวเท้าซ้ายขึ้นไปเหยียบบนโกลนม้าก่อน เมื่อนั่งบนตัวม้าแล้ว ให้ก้มหน้าลง อัดน่องขาทั้งสองข้าง จากนั้นจึงเอาเท้าสะกิดท้องมาเพื่อให้เริ่มเดิน และถ้าต้องการให้ม้าหยุดเคลื่อนไหว ให้ดึงบังเหียนม้าทั้งสองข้างขึ้นมาแต่ไม่ต้องตึงจนเกินไป
• ท่าวิ่งเรียบ (Trot)
สำหรับท่าวิ่งเรียบสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ท่า ได้แก่ ท่าวิ่งเรียบนั่งและท่าวิ่งเรียบยกตัว โดยทั้งสองท่านี้จะมีวิธีขี่คล้ายกับท่าเดินเลย กล่าวคือ เป็นการเตือนน่องหรือการให้ม้าเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยอย่างต่อเนื่องจนเหมือนกับการวิ่ง โดยความแตกต่างระหว่างทั้งสองท่านี้คือ ท่าวิ่งเรียบนั่งจะเป็นการนั่งติดกับอานม้าตลอด แต่หากเป็นท่าวิ่งเรียบยกตัวจะมีการลุกขึ้นสลับกับการนั่ง ซึ่งมีข้อแม้ว่าห้ามยกก้นลอยขึ้นมา
• ท่าวิ่งโขยก (Canter)
หากพูดถึงท่าที่ต้องใช้ทักษะและฝีมือในการขี่ม้าแล้วละก็ ท่าวิ่งโขยกนับเป็นสิ่งท้าทายผู้ขี่ม้าเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากม้าแต่ละตัวก็จะมีลักษณะและสายพันธุ์แตกต่างกัน ทำให้การควบคุมและฝึกฝนท่านี้ เป็นสิ่งที่ค่อนข้างทำได้ยาก ด้วยวิธีขี่ม้าที่ต้องเตืองน่องอยู่ตลอดเวลา และให้ผู้ขี่ทำการจับสายบังเหียนม้าให้มั่นคง ใช้น่องขายึดตัวม้า ก่อนทิ้งน้ำหนักตัวลงไป ในระหว่างนี้ให้กำหนดขาข้างที่จะก้าวก่อน เช่น หากใช้เท้าซ้ายนำ ให้บังคับบังเหียนม้าด้านขวาให้ตรง จากนั้นจึงกำหนดจังหวะให้ตรงกับการเดินของม้าก่อนจะเริ่มทำการวิ่งโขยก โดยระหว่างนี้ ให้ผู้ขี่คอยสังเกตม้าและมีสติอยู่ตลอดเวลา เพราะอาจพลาดตกลงมาจากตัวม้าได้
• ท่าวิ่งควบ (Gallop)
ในบรรดาท่าขี่ม้าทั้งหมด ท่าวิ่งควบม้าเป็นวิธีเคลื่อนไหวที่รวดเร็วสุด โดยจะเป็นการให้เท้าข้างใดเท้าข้างหนึ่งก้าวนำก่อน จากนั้นให้ก้าวเท้าอีกข้างมาชิดตรงตำแหน่งของส้นเท้า และให้ลงน้ำหนักไปที่เท้านำหน้าและทำการเตือนน่องม้าเพื่อกระตุ้นให้ม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วตามจังหวะอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ต้องหมั่นสังเกตอาการม้าด้วย หากม้าวิ่งเป็นระยะเวลานาน จำเป็นต้องมีการพัก
อุปกรณ์ขี่ม้าที่ควรมีติดไว้
เพื่อความปลอดภัยของผู้ขี่และม้า การสวมใส่อุปกรณ์สำหรับคนและสัตว์จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งการติดตั้งอุปกรณ์บนตัวม้ายังช่วยให้วิธีขี่ม้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่างๆ ลดลงอีกด้วย โดยผู้ขี่จะมีชุดสวมใส่และอุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บอย่างเช่น หมวกกันน็อค รองเท้าขี่ม้า ถุงมือขี่ม้า และอื่นๆ ในขณะที่ม้าจะได้รับการสวมใส่อุปกรณ์อย่าอานม้า สนับขาม้า เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีแส้ม้าหรือเดือยเหล็กขี่ม้าที่ช่วยในการควบคุมและบังคับการเคลื่อนไหว เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ ขึ้นนั่นเอง
เสื้อผ้าสำหรับผู้ขี่
เสื้อผ้าที่ผู้ขี่ทุกคนควรคำนึงถึงจะต้องมีความกระชับพอดีตัวและสวมใส่สบาย เช่น เสื้อโปโลแขนสั้นที่เพิ่มความคล่องตัว ในขณะที่กางเกงนั้น ควรเป็นชุดขายาวเพื่อป้องกันการเสียดสีและช่วยเสริมการเคลื่อนไหวขณะอยู่บนตัวม้า
อุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บของผู้ขี่
อุปกรณ์ที่ดีจะต้องป้องกันอันตรายให้ผู้สวมใส่ได้ อุปกรณ์ขี่ม้าก็เช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บกับผู้ขี่ การสวมใส่หมวกกันน็อค รองเท้าขี่ม้า ถุงมือขี่ม้า จึงเป็นของสำคัญที่ช่วยลดอันตรายได้ เนื่องจากการออกแบบเพื่อการขี่ม้าโดยเฉพาะ เพื่อสร้างความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา
• หมวกกันน็อค
อุปกรณ์ป้องกันส่วนหัวที่ทุกคนควรมีติดตัวไว้ ส่วนใหญ่มักนิยมใช้ 2 ชนิดนี้คือ Hard Hat ที่ทำจากไฟเบอร์ มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถป้องกันแรงกระแทก ภายในเสริมด้วยวัสดุคล้ายฟองน้ำเพื่อเพิ่มความสบาย และ Crash Helmet สำหรับนักขี่ม้าหรือนักกีฬาโดยเฉพาะ เนื่องจากหมวกชนิดนี้ถูกออกแบบมาแข็งแรงกว่า Hard Hat นอกจากนั้น ในการเลือกหมวกกันน็อคนั้น จะต้องดูว่าสวมใส่ได้พอดีหรือไม่ เพื่อให้อุปกรณ์ป้องกันสามารถแสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• รองเท้าขี่ม้า
หากต้องการความแข็งแรง ทนทาน รองเท้าบูทอาจเป็นคำตอบของรองเท้าขี่ม้าที่ตามหา ด้วยรองเท้าบูทที่มักทำจากวัสดุหนัง จึงทำให้รองเท้ามีความนุ่มพอดีพอเหมาะ สวมใส่สบาย ป้องกันปัญหาเจ็บเท้า และช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขี่ม้าอีกด้วย ซึ่งรองเท้าบูทที่นิยมใช้ส่วนมาก ประกอบด้วย รองเท้าบูทขี่ม้าทรงสูงครึ่งน่องที่มีความยาวให้เลือกตั้งแต่ช่วงแข้งจนถึงใต้เข่า และ Ankle Boot หรือรองเท้าบูทหุ้มข้อ มีขนาดสั้นกว่า แต่ให้ความคล่องตัวสูง เหมาะสำหรับ Jodpurs หรือกางเกงขี่ม้าที่มีทรงค่อนข้างฟิต พอดีตัวผู้สวมใส่ ให้ความดูดีมีสไตล์ไปอีกแบบ
• ถุงมือขี่ม้า
การสวมถุงมือขี่ม้า จะช่วยป้องกันอาการมือพองจากการจับ สายบังเหียนม้าและยังเพิ่มความแข็งแรงในการยึดเกาะและการควบคุมม้าได้เป็นอย่างดี โดยถุงมือขี่ม้าจะมีวัสดุให้เลือกหลาย เช่น ผ้าหรือหนัง เป็นต้น
อุปกรณ์บังคับม้า
เมื่อทำความคุ้นเคยกับม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การฝึกขี่ม้าย่อมเป็นเรื่องง่ายขึ้น อย่างไรก็ดี การมีอุปกรณ์บังคับม้า ถือเป็นตัวเสริมที่ช่วยทำให้วิธีขี่ม้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเชือกจูงม้า บังเหียนม้า หรือแส้ม้า นับเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่เสริมการสื่อสารและบังคับม้าได้ดียิ่งขึ้น
• เชือกจูงม้า
เครื่องมือพื้นฐานสำคัญที่มีประโยชน์ในการจูงม้าให้เดินไปตามทิศทางที่ต้องการเพื่อป้องกันไม่ให้ม้าหลงจากกลุ่ม โดยอุปกรณ์บังคับม้าชิ้นนี้ มักทำจากวัสดุอย่างดี แข็งแรง ใช้งานได้นาน
• บังเหียนม้า
อุปกรณ์บังคับม้าที่ทำจากเหล็กหรือไม้ ใช้สำหรับการควบคุมทิศทางของม้าในการออกท่าทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าเดิน ท่าวิ่ง ท่าโขยก หรือท่าวิ่งควบ
• แส้ม้า (Whip)
แส้ม้าหรือแส้ฝึกม้า เป็นอุปกรณ์สำหรับการควบคุมม้าที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้เลี้ยงม้า ส่วนใหญ่มักทำจากหนัง เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นกับม้า
• เดือยเหล็กขี่ม้า (Spur)
เส้นเหล็กที่มีความแข็งแกร่ง ใช้รองรับเท้าของผู้ขี่และออกคำสั่งให้ม้าเคลื่อนไหวตามทิศทางที่กำหนด เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการขี่ม้า
อุปกรณ์สวมใส่ของม้า
• อานม้า
อานม้าหรือที่รองรับสำหรับผู้ขี่ม้าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำให้นั่งสะดวกมากขึ้น โดยอานม้าจะประกอบด้วยอานและโกลนซึ่งส่วนมากทักทำจากหนังเพื่อเพิ่มความแข็งแรง รับน้ำหนักผู้ขี่ได้ดี
• ผ้ารองอานม้า
ผ้ารองอานม้าเป็นตัวบุด้านในที่มักมาคู่กับอานม้า ช่วยเพิ่มความนุ่มสบาย ด้วยวัสดุที่ทำจากผ้า ช่วยระบายความร้อนและดูดซับเหงื่อได้อีกด้วย ทำให้ผู้ขี่หมดกังวลกับปัญหาลื่นล้มขณะอยู่บนตัวม้า
• สนับขาม้า
สนับที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสวมใส่ให้ขาของม้าโดยเฉพาะ ช่วยปกป้องขาม้าจากการวิ่ง และลดความร้อนที่เกิดขึ้นขณะเคลื่อนไหว
การดูแลม้าให้มีสุขภาพที่ดี
นอกจากความสุขและความเพลิดเพลินในการขี่ม้าแล้ว ผู้ขี่ต้องให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพกายและใจของม้าเช่นกัน ซึ่งการให้อาหารคุณภาพดี การพาม้าไปเดินเล่น การทำกิจกรรมร่วมกัน ตลอดจนการดูแลม้าด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ เช่น แปรงหวีแผงคอและหางม้า จะทำให้ม้าแข็งแรงอีกทั้งยังทำให้ม้ามีความเป็นมิตรกับผู้ขี่มากขึ้น ส่งผลต่อวิธีขี่ม้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของการขี่ม้า
จะเห็นได้ว่า ผู้ที่รู้จักวิธีขี่ม้า ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพสง่างาม และมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อส่วนแขน ขา และส่วนอื่นที่ใช้ในการทรงตัวบนหลังม้า ทั้งยังช่วยให้มีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าแสดงออก นอกจากนี้ ในด้านจิตใจนั้น จะทำให้กลายเป็นคนที่รู้จักการควบคุมอารมณ์ สามารถรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี
ข้อควรระวังในการนั่งขี่ม้า
การขี่ม้าเป็นกิจกรรมและกีฬาที่ทำได้ทุกเพศทุกวัย เป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยเสริมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตาม หากขาดความระมัดระวังและไม่รู้พื้นฐานหรือวิธีขี่ม้าที่ถูกต้องละก็ อาจส่งผลเสียตามมาได้ ยกตัวอย่างเช่น การไม่มีอุปกรณ์สำหรับคนและม้า ซึ่งอาจทำให้ผู้ขี่และม้าได้รับอันตรายได้ โดยการเริ่มต้นเรียนขี่ม้าจึงควรอยู่ในสายตาและการควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงสถานที่เองก็มีความสำคัญ อย่างม้าที่ถูกเลี้ยงด้วยฟาร์มในเมือง อาจจะเกิดความเครียดจากพื้นที่เลี้ยงดูทำให้มีความพยศมากกว่า กลับกันม้าที่เลี้ยงแบบปล่อยอาจจะมีความซุกซน แต่จะมีความผ่อนคลายและเหมาะกับผู้เริ่มต้นใหม่มากกว่า
โดยการขี่ม้า นอกจากจะเป็นกีฬารูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้เกิดความสนุกสนานแล้ว ยังเป็นกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในครอบครัวอีกด้วย และหากรู้จักวิธีขี่ม้าที่ถูกหลักจะทำให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง ช่วยเสริมบุคลิกภาพของผู้ขี่ให้ออกมาดูดีอีกด้วย ทั้งนี้ นอกเหนือจากการขี่ม้า ยังคงมีกิจกรรมอื่นๆ อย่างกีฬาเอ็กซ์ตรีมยอดนิยมที่จะทำให้คุณได้สนุกและตื่นเต้น เพลิดเพลินได้ทั้งครอบครัว