fbpx

9 พิกัดที่เที่ยวนอร์เวย์ยอดนิยม เยี่ยมเมืองหนาว ราวเทพนิยาย รับปี 2567

หากใครชอบไปเที่ยวยุโรปแล้วอยากได้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ที่เมืองในเทพนิยาย มีบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และธรรมชาติอันแสนสดใส นอร์เวย์เป็นประเทศที่คุณไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามตลอดทั้งปี พร้อมด้วยกิจกรรมทางธรรมชาติต่างๆ ที่พลาดไม่ได้ มาดู 9 ที่เที่ยวนอร์เวย์ยอดนิยม เตรียมตัวท้าเมืองหนาว เที่ยวนอร์เวย์ในปี 2567 ไปพร้อมกันในบทความนี้

ทำไมต้องไปเที่ยวนอร์เวย์?

ทำไมต้องไปเที่ยวนอร์เวย์?

นอร์เวย์ตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ โดยใช้ภาษา Norsk เป็นภาษาหลักของประเทศ ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีการพูดสำเนียงที่ออกเสียงแตกต่างกันไป แต่คนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ จึงไม่ต้องกลัวจะสื่อสารไม่รู้เรื่องเวลาไปเที่ยวนอร์เวย์ ประชากรทั้งหมดมีประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งสกุลเงินที่ใช้คือ โครนนอร์เวย์ โดย 1 โครนนอร์เวย์ เท่ากับประมาณ 5.41 บาทไทย

นอร์เวย์ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการ เงินเดือน ค่ารักษาพยาบาล การศึกษาและยังมีความปลอดภัยมากอีกด้วย นอกจากนี้ที่เที่ยวในนอร์เวย์ยังมีมีธรรมชาติที่สวยงามจนคนทั่วโลกอยากมาชมสักครั้งในชีวิต เช่น แสงเหนือ ทะเลสาบ ต้นไม้ใบหญ้า ธารน้ำแข็งสวยๆ นอร์เวย์ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น The Midnight Sun หรือดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน ซึ่งสามารถเห็นพระอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลานับเดือนอีกด้วย

เที่ยวนอร์เวย์ ไปตอนไหนดี?

เที่ยวนอร์เวย์ ไปตอนไหนดี?

ประเทศนอร์เวย์มี 4 ฤดู แต่ละช่วงมีความโดดเด่นและกิจกรรมให้ทำแตกต่างกัน มาดูว่าฤดูไหนเหมาะจะไปเที่ยวนอร์เวย์ที่สุด ดังนี้

 

  • ฤดูหนาว จะเริ่มต้นจากปลายเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งที่เที่ยวนอร์เวย์ในแถบอาร์กติกจะมีลานหิมะให้คุณได้เล่นสกีหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งที่สนุกสนาน พร้อมสัมผัสวิธีชีวิตของชาวแลปป์แลนด์กันอย่างใกล้ชิด
  • ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่หิมะละลาย ทำให้พบกับธรรมชาติอันสวยงามของต้นไม้ใบหญ้า ทะเลสาบที่มีความสวยงาม ที่เที่ยวนอร์เวย์จะมีน้ำตกต่างๆ ให้ได้ชมกัน และยังเป็นช่วงที่พบกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างแสงเหนืออีกด้วย
  • ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม อากาศอบอุ่นสบาย และไฮไลต์ของการมาเที่ยวนอร์เวย์ในช่วงนี้ก็คือ การชมปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนนั่นเอง
  • ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มในช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ผู้คนขนานนามว่า ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี โดยจะได้พบกับใบไม้หลากหลายสีสันให้ได้ชื่นชมกัน ซึ่งมีความสวยงามเหมาะแก่การมาเที่ยวนอร์เวย์เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ

9 สถานที่ท่องเที่ยวประเทศนอร์เวย์ ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึง

9 สถานที่ท่องเที่ยวประเทศนอร์เวย์ ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึง

เมื่อได้รู้จักประเทศนอร์เวย์แบบคร่าวๆ พร้อมกับฤดูกาลที่เหมาะจะมาเที่ยวนอร์เวย์กันไปแล้ว บทความนี้ยังได้รวบรวม 9 สถานที่ท่องเที่ยวนอร์เวย์ที่พลาดไม่ได้ เพื่อใช้ในการวางแผนการเดินทาง และประกอบการตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวที่เมืองไหนดี จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย

1. เกาะโลโฟเทน (Lofoten Island)

เกาะโลโฟเทนเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวนอร์เวย์ที่สวยงาม ซึ่งเป็นหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงเหนือของนอร์เวย์ โดยเป็นต้นแบบของเมือง Arendelle ในการ์ตูนชื่อดังอย่าง Frozen และยังมีหมู่บ้านชาวประมงสีแดงที่ขึ้นชื่ออย่าง Rorbuer เอกลักษณ์ของโลโฟเทน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในนอร์เวย์ หมู่เกาะรายล้อมด้วยเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ อยู่กลางทะเลนอร์วีเจียน อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ

 

แนะนำให้เดินทางไปที่เกาะโลโฟเทนในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น ปั่นจักรยาน ปีนเขา พายเรือคายัค ชมปลาวาฬ ตกปลา หรือหากมาในฤดูหนาวก็จะพบกับแสงเหนือออโรร่าที่งดงาม

 

  • ที่อยู่: เป็นกลุ่มเกาะและเขตในเทศมณฑลนูลัน ประเทศนอร์เวย์
  • พิกัด: Lofoten

หมู่เกาะสวาลบาร์ด (Svalbard Islands)

2. หมู่เกาะสวาลบาร์ด (Svalbard Islands)

เป็นเกาะที่ตั้งอยู่สุดเขตของนอร์เวย์ ซึ่งใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยมีมหาสมุทรอาร์กติกคั่นกลาง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่โล่งกว้าง เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ เช่น กวาง Svalbard หมีขั้วโลกเหนือ สิงโตทะเล หมาจิ้งจอก เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวนอร์เวย์ที่เงียบสงบ ได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญยังเป็นจุดชมแสงเหนือที่งดงามอีกด้วย 

 

ควรไปเที่ยวหมู่เกาะสวาลบาร์ดในช่วงเดือนเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ ซึ่งพระอาทิตย์จะไม่ปรากฏออกมาเลยตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เห็นแสงเหนือได้ชัดเจนที่สุด

 

  • ที่อยู่: เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรอาร์กติก ตั้งอยู่ทางเหนือของยุโรปภาคพื้นทวีป ระหว่างนอร์เวย์กับขั้วโลกเหนือ
  • พิกัด: Svalbard

3. ล่องเรือสำราญ Arctic Cruise

ล่องเรือสำราญ Arctic Cruise เป็นการล่องเรือสำราญสำรวจขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนอร์เวย์ที่ให้ประสบการณ์แปลกใหม่และน่าประทับใจ ซึ่งคุณจะได้พบกับธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ตระการตา สัตว์ขั้วโลกเหนือหลายชนิด เช่น หมีขั้วโลกเหนือ แมวน้ำ หรือปลาวาฬ โดยเรือจะล่องผ่านก้อนน้ำแข็งไปตามเส้นทางอาร์กติกเซอร์เคิล ผ่านเมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงต่างๆ ให้คุณสัมผัสทั้งความงดงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวนอร์เวย์ที่นี่ไปพร้อมกัน ซึ่งบนเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น ที่พัก ห้องอาหาร บาร์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สปา ซาวน่า กาสิโน โรงละคร 

ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการล่องเรือสำราญก็คือช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนสิงหาคม เพราะเป็นฤดูที่สภาพอากาศไม่แปรปรวน และเหมาะแก่การนั่งเรือสำราญรับลมธรรมชาติมากที่สุด

เมืองทรอมโซ (Tromso)

4. เมืองทรอมโซ (Tromso)

เมืองทรอมโซ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลในเขตอาร์กติกเซอร์เคิล เป็นเมืองท่าที่สำคัญของนอร์เวย์ เหมาะมากแก่การมาชมแสงเหนือในช่วงหน้าหนาว เป็นที่เที่ยวนอร์เวย์ที่มีสถานที่ให้ไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral) สวนพฤกษศาสตร์อัลไพน์ (Tromso Arctic-Alpine) ศูนย์วิทยาศาสตร์อาร์กติก พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรีต่างๆ หรือจะไปล่องเรือชมปลาวาฬก็ได้

ฤดูที่เหมาะแก่การมาเที่ยวที่เมืองเมืองทรอมโซคือฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม เพราะนอกจากจะได้ชมแสงเหนือกันแบบชัดๆ เต็มตาแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ขี่สโนว์โมบิล สุนัขลากเลื่อนอีกด้วย

 

  • ที่อยู่: เป็นเมืองในเขตเทศบาลในเขต Troms และ Finnmark ประเทศนอร์เวย์
  • พิกัด: Tromsø

5. เมืองฟรัม (Flam)

เมืองฟรัม อีกหนึ่งที่เที่ยวในประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองเล็กๆ อยู่กลางหุบเขา เดินแค่เพียงชั่วโมงเดียวก็ทั่วเมืองแล้ว แต่เสน่ห์ของที่นี่คือธรรมชาติอันสวยงามที่ต้องชวนตะลึง เพราะเป็นเมืองศูนย์กลางของฟยอร์ดที่ยาวและลึกที่สุดในโลก ซึ่งล้อมรอบไปด้วยหุบเขา น้ำตก และแม่น้ำอันสวยงามที่น่าประทับใจ ทั้งยังมีอาคารบ้านเรือนสีสันสดใสที่ตัดกับสีเขียวของธรรมชาติอีกด้วย กิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่คือการนั่งรถไฟชมวิว เพราะรถไฟสาย The Flåm Railway เป็นทางรถไฟที่สวยที่สุดในนอร์เวย์นั่นเอง 

 

ช่วงที่เหมาะสมในการไปเมืองฟรัมคือช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นขึ้นและมีกิจกรรมให้ทำมากมาย

 

  • ที่อยู่: เป็นเมืองเล็กๆ ของประเทศนอร์เวย์ในเขตภูมิภาคซองก์ฟยอร์ด
  • พิกัด: Flåm

พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง (Viking Ship Museum)

6. พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง (Viking Ship Museum)

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนอร์เวย์ที่น่าสนใจก็คือ พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง ซึ่งจัดแสดงเรือ 3 ลำ ในยุคที่ชาวไวกิ้งเดินทางข้ามยุโรป ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าที่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีของชาวนอร์เวย์ เพราะเปรียบเสมือนตัวแทนของบรรพบุรุษของพวกเขานั่นเอง ซึ่งเรือที่มีความสวยสง่าที่สุดก็คือ เรืออุสแบนนิ มีขนาดยาว 22 เมตร ใช้ฝีพาย 30 คน ทำจากไม้โอ๊ก และใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 20 ปี ก่อนจะได้มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งสามารถมาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะเหมาะมาก เพราะอากาศไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป สามารถเดินชมพิพิธภัณฑ์แบบชิวๆ ได้เลย

 

  • ที่อยู่: Huk Aveny 35, 0287 Oslo, นอร์เวย์
  • พิกัด: Viking Ship Museum

7. ทรอนด์ไฮม์ (Trondheim)

ไปกันต่อสำหรับที่เที่ยวนอร์เวย์ที่ต่อไป นั่นก็คือ ทรอนด์ไฮม์ เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของนอร์เวย์ และยังเป็นเมืองเก่าแก่อีกด้วย ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือสะพานเก่าแก่ที่ข้ามแม่น้ำ Nidelva และอาคารสีสันสดใสที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ซึ่งสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และยังมีมหาวิหารนิดารอส (Nidaros Cathedral) โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสแกนดิเนเวีย ซึ่งมีความสวยงามอลังการมาก นอกจากนั้นยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ ให้คุณได้เดินเที่ยวกันแบบเต็มที่อีกด้วย 

 

ฤดูที่ควรไปเที่ยวเมืองทรอนด์ไฮม์คือ ช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม เพราะอากาศจะอบอุ่นเหมาะแก่การเดินเล่นนั่นเอง พร้อมกับต้นไม้ใบหญ้าที่ยังเขียวขจี ให้วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม

 

  • ที่อยู่: เป็นเมืองในเทศมณฑลเทรินเดอลากของนอร์เวย์
  • พิกัด: Trondheim

เบอร์เกน (Bergen)

8. เบอร์เกน (Bergen)

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนอร์เวย์ก็คือ เมืองเบอร์เกน ซึ่งเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ซึ่งรายล้อมไปด้วยภูเขาถึง 7 ลูก และธรรมชาติอันสวยงาม เอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือ อาคารหลากหลายสีสันที่น่ารักสดใสที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ซึ่งมีอายุมากกว่า 300 ปี และยังเป็นมรดกของโลกอีกด้วย นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของ แกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ ที่รอให้คุณได้ไปเดินกิน ชิม ชม ช้อปด้วยตนเอง 

 

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเยี่ยมชมเมืองเบอร์เกนคือ ช่วงฤดูร้อนคือตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม เพราะเหมาะแก่การเดินชมวิวและทำกิจกรรมกลางแจ้งเช่นการเดินเล่นและพายเรือนั่นเอง

 

  • ที่อยู่: ตั้งอยู่ในและเป็นศูนย์การปกครองของเทศมณฑลเว็สต์ลัน บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของนอร์เวย์
  • พิกัด: Bergen

9. ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (The Geirangerfjord)

อีกที่เที่ยวนอร์เวย์คือ ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของนอร์เวย์ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เกิดจากธารน้ำแข็งที่ละลายจนกลายเป็นแม่น้ำ ท่ามกลางหุบเขาสูงที่ปกคลุมด้วยความเขียวขจีของเหล่าต้นไม้ใบหญ้าและหิมะอยู่ด้านบน มีน้ำตกที่ชื่อว่า Seven Sisters Waterfalls ที่มีความสูงถึง 250 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในไกแรงเกอร์ฟยอร์ด 

 

ฤดูที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวไกแรงเกอร์ฟยอร์ด คือฤดูร้อน เพราะอากาศจะอบอุ่น หรืออาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงกันยายนก็ได้ ซึ่งที่นี่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งล่องเรือสำราญ ล่องแพ พายเรือคายัค-เรือแคนู ตกปลา เดินปลา หรือจะเล่นสกีในช่วงฤดูหนาวก็ได้เช่นกัน

 

  • ที่อยู่: Stranda Municipality, Norway
  • พิกัด: Geirangerfjord

การเตรียมตัวเมื่อไปเที่ยวนอร์เวย์

การเตรียมตัวเมื่อไปเที่ยวนอร์เวย์

การไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมืองนั้น ต้องมีการเตรียมตัวเบื้องต้นก่อน เพราะแต่ละที่ล้วนแตกต่างกัน ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ สำหรับการไปเที่ยวนอร์เวย์มีข้อควรรู้และสิ่งที่ต้องเตรียมตัวดังนี้

  • ก่อนเดินทางจะยื่นขอวีซ่าเข้านอร์เวย์ที่ศูนย์ VFS Global
  • เวลาที่นอร์เวย์ช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง ควรเตรียมตัวเองพร้อมเจอกับช่วงเวลาที่ต่างกัน
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาเพราะส่วนใหญ่คนนอร์เวย์พูดอังกฤษได้
  • ช่วงหน้าหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อากาศที่นี่จะหนาวมาก อุณหภูมิประมาณ 0-18 องศาเซลเซียล อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวหนาๆ มาด้วย
  • ปลั๊กไฟจะเป็นแบบขากลม 2 ขา และ 3 ขา C/F ไฟ 230V 50Hz ควรพกอะแดปเตอร์ Universal ไปด้วย
  • ค่าครองชีพที่นี่แพงมาก โดยเฉลี่ยอาหารมื้อละประมาณ 350-500 บาท
  • ค่าแท็กซี่ที่นี่ก็แพงเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่จะใช้รถยี่ห้อยุโรปขับ และคนขับจะเป็นชาวต่างด้าว อย่างอัฟกานิสถาน
  • การขับรถยนต์ของที่นี่จะเป็นพวงมาลัยด้านซ้าย และสามารถนั่งได้เพียง 4 ที่นั่ง ที่สำคัญต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
  • เมื่อขับรถไปถนนเส้นไหนจะต้องเสียค่าผ่านทาง แต่ถนนบางเส้นก็จะถ่ายรูปป้ายทะเบียน แล้วค่อยส่งบิลไปเรียกเก็บที่บ้าน
  • ที่นอร์เวย์เคร่งครัดเรื่องกฎจราจร แม้ไม่มีสัญญาณไฟ หากมีคนข้ามถนน รถก็ต้องหยุดให้คนข้ามก่อน
  • สำหรับการเดินทางโดยรถประจำทางของที่นี่ต้องใช้บัตร Eurail Pass ซึ่งสามารถขึ้นได้หลายเที่ยวและเลือกจำนวนวันที่ต้องการได้
  • เวลาไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตต้องจ่ายค่าเช่ารถเข็นและตะกร้าด้วย
  • วันอาทิตย์จะเป็นวันที่ร้านค้าต่างๆ ปิดทำการ แม้แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็เช่นกัน เพราะเป็นวันครอบครัวของนอร์เวย์นั่นเอง
  • หากต้องการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะซื้อได้ไม่เกินเวลา 18.00 น. ในที่ๆ รัฐบาลจัดให้ และจำกัดจำนวนการซื้อด้วย
  • ที่นอร์เวย์จะไม่มีการต่อรองราคาเหมือนที่ไทย ราคาของเท่าไหร่ก็จ่ายตามป้ายเท่านั้น

มารยาทที่ควรรู้ของประเทศนอร์เวย์

มารยาทที่ควรรู้ของประเทศนอร์เวย์

ในทุกประเทศจะมีวัฒนธรรมและขบนธรรมเนียมที่แตกต่างกัน เราจึงควรศึกษาไว้ก่อนไปเที่ยวยังประเทศต่างๆ ว่าอะไรควรทำ หรืออะไรไม่ควรทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งได้ มารยาทที่ควรรู้ของประเทศนอร์เวย์ที่ควรรู้ มีดังนี้

  • คนนอร์เวย์ทักทายกันโดยการจับมือ กอด และเอาแก้มชิดกัน
  • หากได้รับเชิญไปรับประทานอาหารร่วมโต๊ะที่บ้านกับชาวนอร์เวย์ ควรมีของฝากหรือของขวัญติดมือเล็กๆ น้อยๆ ไปด้วย เช่น ดอกไม้ ไวน์ ขนม ของกิน เป็นต้น
  • อาหารของที่นี่มักจะเสิร์ฟเป็นพวกมันฝรั่ง ปลา เนื้อวัว ผักอบ ผักต้ม หากไม่กินอันไหนควรแจ้งเจ้าของบ้านหรือร้านอาหารก่อน
  • หากรับประทานอาหารยังไม่เสร็จให้เอาส้อมกับมีดไขว้กันเป็นกากบาท
  • หากรับประทานอาหารเสร็จแล้วให้วางส้อมกับมีดเฉียงไปทางใดทางหนึ่ง 
  • หากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว อยากเข้าห้องน้ำ ต้องบอกคนที่โต๊ะก่อนเสมอ
  • เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วควรกล่าวขอบคุณทุกครั้ง

สรุป

นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีธรรมชาติอันสวยงามระดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังมีความปลอดภัย มีการจัดสรรในเรื่องของสิ่งต่างๆ อย่างเป็นระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว แม้ค่าครองชีพจะสูง แต่การได้ไปดูแสงเหนือและพระอาทิตย์เที่ยงคืนสักครั้งในชีวิต ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด แต่ก็ต้องมีการศึกษามรรยาททางสังคมของชาวนอร์เวย์ กฎหมาย กฎระเบียบ และข้อห้ามต่างๆ ก่อนไปด้วยเช่นกัน เพื่อจะได้เที่ยวได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องโดนคนนอร์เวย์ไม่พอใจ หรือต้องเสียค่าปรับเพราะทำผิดกฎหมายนั่นเอง

หากใครที่อ่าน 9 สถานที่ท่องเที่ยวนอร์เวย์จบแล้ว อยากไปเที่ยวที่บรรยากาศแบบนอร์เวย์แต่ยังไม่สะดวกไป แนะนำให้ลองเที่ยวในประเทศไทยดูก่อน ซึ่งให้ฟิลหรู อยู่สบาย พร้อมรับอากาศหนาว บรรยากาศราวกับเทพนิยาย โดยไม่ต้องไปไกลถึงนอร์เวย์ ที่ Rancho Charnvee Resort เป็นที่พักสุดหรูสไตล์ยุโรปใกล้เขาใหญ่ระดับ 5 ดาว ที่ให้คุณไปสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติอันสวยงาม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน หลีกหนีความวุ่นวายต่างๆ ของชีวิตในเมือง ให้คุณมาทำกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ ขี่ม้า ปั่นจักรยาน ขับ ATV ตีกอล์ฟ ให้คุณไปสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม