10 ประเทศ 10 สถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียน ที่นักเดินทางห้ามพลาด
หลังจากที่โควิดเริ่มซา หลายประเทศก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างโหยหาชีวิตที่ได้เดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างมาก
หากใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวในเร็ววันนี้ ขอเสนอว่าการไปเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านของเราก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เพราะจะได้สัมผัสวัฒนธรรม วิถีชีวิต และสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในแถบอาเซียน เราจึงรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยว 10 ประเทศในอาเซียนมาให้ได้รู้จัก เผื่อจะได้เก็บเข้าลิสต์การเดินทางของทุกคน
1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ – ประเทศไทย
ไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ยินหรือรู้จักชื่อของเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของบ้านเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศอาเซียน เป็นบ้านของสัตว์ใหญ่ทั้งหลาย และเป็นพื้นที่มอบอากาศบริสุทธิ์ให้เราได้สัมผัส ที่นี่ห่างไกลจากตัวเมืองไม่มาก จึงมีนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสธรรมชาติหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย กิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือส่องสัตว์ยามค่ำคืนหรือเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติ แล้วพักค้างคืนในป่าใหญ่ แน่นอนว่าจะได้รับทั้งประสบการณ์ดีๆ ที่น่าประทับใจ รวมไปถึงรูปสวยๆ ที่อัดแน่นเต็มเครื่อง
การเดินทางมาอุทยานเขาใหญ่สามารถมาได้ทั้งรถส่วนตัว โดยใช้เส้นทางผ่านรังสิตและจังหวัดสระบุรี เลี้ยวขวาวิ่งเส้นมิตรภาพก่อนถึงอำเภอปากช่อง กิโลเมตรที่ 23 จะพบศูนย์บริการนักท่องเที่ยวศาลเจ้าพ่อ ไปต่ออีก 15 กิโลเมตรก็จะเจออุทยานเขาใหญ่ หากไม่มีรถส่วนตัวจะนั่งรถประจำทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา แล้วต่อรถโดยสารในพื้นที่ไปก็ได้ และยังสามารถนั่งรถไฟชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทางได้ด้วย
หากยังไม่มีที่พักในใจ ให้ Rancho Charnwee Resort @ Country Club เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณ ด้วยห้องพักที่สวยงาม หรูหรา เดินทางไปอุทยานเขาใหญ่ได้ง่าย ก็ยังมีบริการอื่นๆ ให้ได้ทำอย่างตีกอล์ฟ ขี่ม้า เช่าจักรยานปั่นเพื่อชมวิว หรือขับรถ ATV ก็มีเช่นกัน และยังพร้อมไปด้วยร้านอาหารหรูทั้งไทย อิตาเลี่ยน และสไตล์คันทรีให้ได้เลือกสรร เรียกได้ว่านอกจากจะได้ชมธรรมชาติสวยงามแล้วยังได้พักผ่อน รวมไปถึงยังมีโอกาสได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายอีกด้วย
- ที่อยู่: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตู้ปณ. 9 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
- พิกัด: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 06:00 – 18:00 น.
2. ตึกแฝดเปโตรนาส – มาเลเซีย
ใครที่ไปมาเลเซียคงไม่พลาดที่จะถ่ายรูปคู่กับตึกแฝดเปโตรนาส เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ในอาเซียนที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยการก่อสร้างที่สวยงาม แปลกตา และยังเป็นตึกแฝดที่สูงถึง 451.9 เมตร มีความสูงมากที่สุดในโลก ภายในตึกมีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย โรงภาพยนตร์ อาร์ตแกลลอรี ศูนย์ประชุมแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และบางครั้งอาจโชคดีได้ชมการตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลท้องถิ่นขณะนั้น อย่าง songket ซึ่งก็คือการทอผ้าพื้นเมืองด้วย
หากมาถึงแล้วต้องไม่พลาดที่จะขึ้นไปสะพานลอยฟ้า (Skybridge) ซึ่งเชื่อมตึกแฝดทั้ง 2 อาคารเอาไว้ด้วยกัน เพื่อจะได้ชมวิวของเมืองกัวลาลัมเปอร์ให้ทั่ว สามารถเดินทางมาได้ด้วยรถไฟฟ้า LRT จากสถานี KL Sentral ลงที่สถานที่ KLCC หรือโดยสารรถประจำทางสาย B103 ลงสถานีรถไฟฟ้า LRT KLCC และสาย B114 ลงหน้าห้าง Suria KLCC ก็ได้เช่นกัน
- ที่อยู่: ระหว่างถนนจาลันอัมปังและถนนจาลันราจาชูลัน เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
- พิกัด: ตึกแฝดเปโตรนาส
- เวลาเปิดให้เข้าชม: วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10:00 – 18:00 น.
3. น้ำตกยักษ์ – สิงคโปร์
ใช่ว่ามีแค่สิงโตพ่นน้ำเท่านั้นที่โด่งดัง ยังมีน้ำตกยักษ์หรือ Jewel Changi Airport ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียนของประเทศสิงคโปร์ที่โด่งดังไม่แพ้กัน เพราะเป็นน้ำตกในสวนที่สร้างขึ้นมาโดยมีความสูงกว่า 130 ฟุต อยู่ในอาคารเทอร์มินอลของท่าอาศยานชางงี เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางการบินที่มีทั้งศูนย์การค้าและสถานที่สำหรับพักผ่อน ไว้ชมความสวยงามที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ในตอนกลางคืนจะมีการยิงเลเซอร์บนม่านน้ำ อลังการเหมาะแก่การบันทึกภาพเก็บไว้เป็นความทรงจำ และยังมีสวนยักษ์ที่ตกแต่งด้วยต้นไม้สไตล์ทรอปิคอลล้อมรอบ
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะเดินเที่ยวชมจนเลยเวลาเช็กอินแต่อย่างใด เพราะมีจุดให้นักท่องเที่ยวได้ Early Check-In คอยให้บริการด้วย โดยสามารถใช้สะพานทางเชื่อมจากอาคารผู้โดยสารขาเข้า Terminal 1 สู่ด้านทิศเหนือของศูนย์การค้า Jewel Changi Airport หรือจะนั่งชัตเทิลบัสฟรีแล้วขึ้นชั้น 2 เพื่อใช้สะพานเชื่อมต่อไปก็ได้เช่นกัน
- ที่อยู่: ใจกลางท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์
- พิกัด:น้ำตกยักษ์ (Jewel Changi Airport)
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 24 ชั่วโมง
4. บาหลี – อินโดนีเซีย
อีกสถานที่ท่องเที่ยวของอาเซียนที่คุ้นหูกันดีคงไม่พ้นบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เพราะเป็นเหมือนสวรรค์ของนักเดินทางที่นอกจากจะมีทะเลสวยๆ แล้ว ยังมีวัฒนธรรม ศิลปะ การใช้ชีวิตจากคนพื้นเมืองให้ได้สัมผัส ต้องไม่พลาดที่จะไปวัดอูรูวาตู ที่ตั้งอยู่ริมผามหาสมุทรอินเดียซึ่งมีน้ำทะเลสีครามให้ได้เห็นด้วยตาตัวเองหรือแวะเที่ยวนาขั้นบันได Jatiluwih Rice Terrace ที่จะได้เห็นหมู่บ้านเล็กๆ บนเนินเขา เรียงรายด้วยนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา
ปิดท้ายทริปที่บาหลีด้วยตลาด Ubud Art Market ที่มีสินค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อ สำหรับใช้เป็นของฝากกลับไทยติดมือกันไปด้วย สำหรับการเดินทางไปเที่ยวที่บาหลี
แนะนำให้ไปช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมเพราะอากาศจะดีมาก สามารถนั่งเครื่องบินลงท่าอากาศยานนานาชาติเด็นปาซาร์ ใครที่กังวลในเรื่องของการสื่อสาร ไม่ต้องกังวลไป สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เลย เพราะคนบาหลีส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องมาก สมกับที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับในอาเซียน
- ที่อยู่: เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
- พิกัด: บาหลี
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 24 ชั่วโมง
5. มัสยิดทองคำ – บรูไน
หากมาบรูไน ต้องไม่พลาดที่จะมาเที่ยวมัสยิดทองคำหรือที่คนมักจะเรียกกันว่า มัสยิดเกียรง (Kiarong mosque) สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในแถบอาเซียนที่สวยงามและอลังการเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยโดมสีทองและหลังคาสีฟ้าน้ำทะเล รวมกับการตกแต่งที่วิจิตรตระการตา ทำให้มีคนสนใจอย่างมากที่จะเข้าชม และยังรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 5,000 คน
เปิดโอกาสให้ได้เข้าชมและประกอบพิธีทางศาสนา อาจจะต้องบันทึกความประทับใจไว้ได้แค่ในความทรงจำเพราะด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป แต่เชื่อว่าใครที่ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับโลกของอาเซียนอย่างที่มัสยิดทองคำจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน
- ที่อยู่: เมืองบันดาร์ เสรี เบกาวัน ประเทศบรูไน
- พิกัด: มัสยิดทองคำ
- เวลาเปิดให้เข้าชม: วันพุธ – วันเสาร์ 3 ช่วงเวลา คือ 08:00 – 12:00 น. และ 14:00 – 15:00 น. และ 17:00 – 18:00 น. วันอาทิตย์ 2 ช่วงเวลา คือ 10:30-12:00 น. และ 14:00 – 15:00 น. ปิดทำการทุกวันจันทร์
6. เจดีย์ชเวดากอง – พม่า
เจดีย์ชเวดากองเป็นมหาเจดีย์ที่มีความสำคัญของประเทศพม่าอย่างมาก ได้รับการขนานนามว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับของอาเซียนเพราะเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุในส่วนของเส้นผมจำนวน 8 เส้น มีการก่อสร้างที่สวยงาม โดดเด่นด้วยสีเหลืองทองอร่ามและยังประดับด้วยเพชรมากถึง 5,448 เม็ด รวมไปถึงทับทิมกับเพชรเม็ดใหญ่ 76 กะรัตอีกด้วย
นอกจากจะสวยงามแล้วยังมีประวัติมาอย่างยาวนานเพราะได้รับการบูรณปฎิสังขรณ์อยู่เสมอ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปไหว้พระเยี่ยมชมได้ด้วยรถแท็กซี่หรือรถบัสได้ โดยอาจไปช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อหลบความร้อนจากแดด
- ที่อยู่: เนินเขาสิงคุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
- พิกัด: เจดีย์ชเวดากอง
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 04.00 – 22.00 น.
7. พระราชวังหลวงพระบาง – ลาว
ไปเที่ยวลาวต้องไปหลวงพระบาง ยังคงใช้คำนี้ได้อยู่เสมอ เพราะลาวก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในอาเซียน อย่างพระราชวังหลวงพระบางที่ขนาบด้วยแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหลวงพระบางที่มีการจัดแสดงเครื่องใช้ของกษัตริย์ประเทศลาวในอดีต รวมไปถึงห้องบรรทม ท้องพระโรง พระที่นั่ง และยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมโรงละครพระลักพระลามที่มีการแสดงเกือบทุกคืนอีกด้วย
ใครที่สนใจอยากเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศอาเซียนเพื่อนบ้าน สามารถนั่งเครื่องบินลงหลวงพระบางหรือเดินทางด้วยรถยนต์ผ่านด่านสากลที่หนองคาย แล้วต่อเครื่องบินจากเวียงจันทน์ไปลงที่สนามบินหลวงพระบางก็ได้เช่นกัน
- ที่อยู่: ถนนสีสว่างวงศ์ ตรงข้ามวัดพูสี แขวงหลวงพระบาง ประเทศลาว
- พิกัด:พระราชวังหลวงพระบาง
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 2 เวลา คือ 08:00 น. และ 13:00 น. ปิดเวลา 16:00 น.
8. เกาะปาลาวัน – ฟิลิปปินส์
หากอยากเที่ยวเกาะที่ดีติดอันดับโลก ก็ต้องไม่พลาดเกาะปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีน้ำทะเลสีฟ้าผสมกับสีเขียวมรกต และยังใสแจ๋วจนมองเห็นธรรมชาติใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน หากวันไหนอากาศปลอดโปร่งต้องมีถ่ายรูปเก็บไว้จนล้นอัลบั้มแน่ นอกจากจะได้เล่นน้ำเย็นๆ แล้ว ยังมีการดำน้ำตื้นหรือน้ำลึกที่ได้รับความนิยมมากๆ และยังมีล่องเรือชมรอบเกาะอีกด้วย
การเดินทางมาสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของอาเซียนอย่างเกาะปาลาวันนั้นสามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงมะนิลาไปลงที่เมือง Puerto Princesa หรือนั่งเรือมาก็ได้ และต้องกาปฏิทินเอาไว้เลยว่าช่วงที่เหมาะกับการไปเที่ยวที่นี่คือช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมนั่นเอง
- ที่อยู่: เกาะปาลาวัน จังหวัดปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์
- พิกัด: เกาะปาลาวัน
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 07:00 – 17:00 น.
9. ทะเลทรายมุยเน่ – เวียดนาม
ไม่ใช่ว่าทุกประเทศในแถบอาเซียนที่จะมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลทรายให้ได้เดินทางไปชม แต่ที่เวียดนามมีทะเลทรายมุยเน่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นทะเลทรายที่ใหญ่ติดอันดับของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีเฉดสีของทรายถึง 18 สี ใครที่อยากไปที่นี่ต้องเตรียมชุดไว้สำหรับถ่ายรูปด้วยเพราะจะได้มีโอกาสถ่ายภาพที่สวยมากแน่นอน และอย่าลืมพกแว่นกันแดดหรือผ้าคลุมติดไปเผื่อ
แนะนำให้ไปเที่ยวในช่วงเช้าหรือหลังบ่ายสามโมงไปแล้วจะได้ป้องกันตัวเองจากฝุ่นและอากาศที่ร้อนได้ ใครสนใจสามารถเดินทางจากสนามบินโฮจิมินห์ แล้วต่อรถไปที่ทะเลทรายมุยเน่ จะเช่ารถ ATV ขับก็ได้ถ้าหากเป็นสายรักการผจญภัย
- ที่อยู่: ชายฝั่งทะเลเขต จังหวัดบิ่ญถ่วน เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
- พิกัด: ทะเลทรายมุยเน่
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 24 ชั่วโมง
10. นครวัด – กัมพูชา
ปิดท้ายสถานที่ท่องเที่ยว 10 ประเทศในอาเซียนด้วยการเที่ยวนครวัด ประเทศกัมพูชา มรดกโลกอีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาด ซึ่งสามารถเดินทางไปลงสนามบันเสียมเรียบอินเตอร์เนชันแนลได้ แนะนำให้ไปช่วงหน้าหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์เพราะจะได้ไม่ร้อนเกินไป จะได้เยี่ยมชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นผ่านภาพสลักฝาผนัง หรือการสร้างปราสาทตาพรหม ที่มีไม้เลื้อยพันไปรอบตัวปราสาท ทั้งงดงามและเต็มไปด้วยมนตร์ขลัง ซึ่งควรจะได้สัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต และจะได้หาโอกาสเที่ยวชมวิถีชีวิตของเพื่อนบ้านแถบประเทศอาเซียนของเราด้วย
- ที่อยู่: เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
- พิกัด: นครวัด
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 06:00 – 17:00 น.
หากใครที่ตั้งใจจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 10 ประเทศในอาเซียน ก็ต้องเตรียมพร้อมทั้งร่างกาย ดูวันเวลาที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวในแถบนั้น จะได้หาที่พักล่วงหน้าและจองเครื่องบินหรือเส้นการเดินทางที่เหมาะสม อย่าลืมเอกสารสำคัญอย่างพาสปอร์ต หรือใบฉีดวัคซีนที่ควรมีติดเอาไว้ และเตรียมเงินให้พร้อม
นอกจากนี้ ควรศึกษาหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียนนั้นเอาไว้ ทั้งวัฒนธรรม ชีวิตการเป็นอยู่ เพื่อป้องกันการทำผิดประเพณีหรือกฎหมายท้องถิ่นที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต ถ้าหากเตรียมพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว ก็ขอให้สนุกกับการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วอาเซียน